
ทฤษฎี Dow Theory ถือกำเนิดขึ้นโดย Charles Henry Dow ที่นับได้ว่าเป็น ศาสดา แห่งการวิเคราะห์ กราฟเทคนิค ต้องย้อนไปถึงปี 1896 เขาคิดค้นสิ่งที่เรียกว่า “ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์” ซึ่งเขายังเป็น บรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ The Wall Street ที่จะต้อเขียน บทวิเคราะห์ รวมถึงต้องติดตามราคา หุ้น ทองคำ ต่างๆ แต่ในยุคนั้นยังไม่มีกราฟให้เทรดในทุกวันนี้ เขาจึงติดตามราคา ด้วยการสร้างการบันทึก กระทั่งนำมาสร้างเป็น ดัชนี ที่เราใช้กันในทุกวันนี้ จึงต้องยอมรับให้เขาเป็น ศาสดาแห่ง กราฟ รวมถึงการวิเคราะห์ทางเทคนิค เพราะพื้นฐานการวิเคราะห์หลายๆอย่างนั้น ถูกสร้างขึ้นมาจาก พื้นฐานของ ทฤษฎี นี้นั่นเอง
และตาม ทฤษฏี ยังได้พูดถึง คลื่นย่อยหรือ Wave ย่อย ซึ่งมันจะมี รอบ วัฏจักร ย่อยของมันเช่นกัน โดย คลื่นหนึ่งคลื่น หรือ หนึ่ง Wave จะมี ระยะเวลา หรือ รอบ ที่ 9-12 เดือน ในแต่ละคลื่น
โดยคลื่นแต่ละคลื่นจะสามารถย่อยลงได้อีกโดยจะแบ่งย่อยลงไปถึง คลื่นเล็กที่อยู่ในระยะ 3 เดือน
ซึ่งหากเข้าใจหลักการนี้ จะสามารถช่วยให้คุณนำไปวางแผนช่วยเทรด ได้เป็นอย่างดีซึ่งหากคุณรู้ว่าคุณอยู่ในช่วงไหนของตลาด จะช่วยให้คุณปรับกลยุทธ์ หรือวางแผนกลยุทธ์ได้ดียิ่งขึ้น
ช่วงมวลชน หรือ ระยะกลางของแนวโน้มขาขึ้น ในช่วงนี้ มวลชน สื่อ หรือ คนทั่วไปจะเริ่มเข้ามาจับตามอง และทยอยเข้ากันเป็นจำนวนมาก มักจะเป็นช่วงที่ ราคาจะวิ่งแรงและไกลที่สุด เพราะ สื่อทุกสื่อ จะจับตามองและมีการพูดถึงกันในวงกว้าง รวมถึง ผลประกอบการพื้นฐานก็จะดีขึ้น ตามลำดับซึ่งเป็นไปตามกลไกล ของระบบเศรษฐกิจ คนที่เข้ามาซื้อในช่วงนี้ มักจะเป็น นักเกร็งกำไร หรือ คนที่เทรดในระยะกลาง รวมถึง Trend Following
ช่วงท้ายตลาดของขาขึ้น หรือเรียกว่าเป็นช่วงเริ่มต้นของขาลง จะเป็นช่วงที่ตลาดกำลังคึกคักกันอย่างมาก และเป็นช่วงที่ได้รับความนิยมจากคนทั่วไปเป็นอย่างสูง แต่พื้นฐาน หุ้นกลับ ไม่เติบโตหรือ ผลประกอบการ แย่ลง และจะเป็นช่วงที่นักลงทุนระยะยาวเริ่มจะปล่อยของ แต่มักจะเป็นช่วงที่ แมงเม่า เข้ามา หรือจะบอกว่าเป็น ยอดดอยก็ไม่ผิด
ช่วงระยะกลางของแนวโน้มขาลง เช่นเดียว กับระยะกลางของแนวโน้มขาขึ้น แต่เป็นไปในทิศทางที่กลับกัน กับแนวโน้มขาขึ้นจะเป็นข่าวดีเข้ามารองรับการขึ้นเป็นจำนวนมาก สื่อต่างๆจะพูดถึงแต่เรื่องดีๆของหุ้นตัวนี้ แต่ในทางขาลงจะเป็นข่าวที่เป็นข่าวเชิงลบทั้งสิ้น ส่งผลทำให้ มวลชนแห่ขายกันจำนวนมาก
ช่วงท้ายตลาดของขาลง จะเป็นช่วงที่ แทบจะไม่ได้รับรับความสนใจเลย และมี แมงเม่า ติดดอยกันเป็นจำนวนมาก และส่วนมากก็จำต้อง ตัดขาดทุนกันไป แต่กลับกันในช่วงนี้พื้นฐานของหุ้นเริ่มชลอการขาดทุน ตัวเลขกลับเริ่มพื้นตัว และนักลงทุนระยะยาว หรือ Value Investor VI เริ่มจับตามอง หรือ เริ่มสะสม ในช่วงนี้