การปรับพอร์ตเมื่อเจอวิกฤตหรือเมื่อสภาวะตลาดเปลี่ยนไป
สถานการณ์ของตลาดอาจมีปัจจัยที่ต่างกันออกไป เพราะฉะนั้น การปรับพอร์ตจึงเป็นสิ่งที่ควรจะทำ เพื่อรับมือสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งสภาวะเศรษฐกิจหรือสภาวะของตลาด มีหลายปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้การปรับพอร์ต ของแต่ละคนนั้น ไม่เหมือนกัน ต้องดูตามเป้าหมายระยะการลงทุน ว่าลงทุนสั้น หรือ ระยะยาว นอกจากสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลง นักลงทุนควรปรับพอร์ตในระยะเวลา 6 เดือน หรือ 1 ปี เราปรับพอร์ต เพื่อลดความเสี่ยงจากสภาวะตลาด และ เพิ่มโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้น การปรับพอร์ต เมื่อสภาวะตลาดเปลี่ยน ควรหมั่นสังเกตแนวโน้มของตลาดอยู่เสมอ ว่าเป็นขาขึ้นหรือขาลง ควรหาจังหวะ ในการปรับพอร์ตให้ดี เพราะนี้ก็เป็นอีกข้อที่สำคัญ สถานการณ์ในตลาดค่อนข้างที่จะคาดเดาได้ยาก
ถ้าหากว่าสภาวะของตลาดอยู่ในช่วงที่เป็นขาขึ้น
ถ้าหากว่าตลาดเป็นขาขึ้น ควรให้ความสำคัญกับ สินทรัพย์ที่มีโอกาสทำกำไรสูง ปรับสัดส่วนพอร์ตเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งไปทางกองทุนรวมที่ให้ผลตอบแทนสูงและมีความเสี่ยงปานกลางมีโอกาสที่เม็ดเงินจะไหลไปยังกองทุนรวมหุ้นแล้วลดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นแทน
ถ้าหากว่าสภาวะของตลาดอยู่ในช่วงที่เป็นขาลง
การลดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งเพราะว่าช่วงที่ตลาดเป็นขาลงนั้นคือการแสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจ ใน20% ของพอร์ต ก็อาจลดสัดส่วนให้เหลือเพียง 15% ของพอร์ต แล้วไปเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นแทน เน้นไปยังกองทุนรวมตราสารหนี้กองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำเน้นสินทรัพย์ที่มั่นคงมากยิ่งขึ้น
ในยุคปัจจุบัน มีนักลงทุนหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมาย มีสินทรัพย์หลากหลาย ที่เป็นสิ่งล่อตาล่อใจ ให้ทุกคนอยากประสบความสําเร็จ เพราะฉะนั้น นักลงทุนทุกคนควรมีสติรอบคอบทุกครั้งที่มีการลงทุนหรือมีการปรับพอร์ต การปรับพอร์ตนั้นสามารถควบคุมความการลดความเสี่ยงได้ดีกว่าการที่ไม่ปรับพอร์ตเลย ซึ่งความถี่ในการปรับพอร์ตขึ้นอยู่กับพอร์ตของนักลงทุนว่าสัดส่วนเป็นอย่างไร อย่างน้อยควรปรับภายใน 6เดือน ถึง 1ปี เพื่อให้พอร์ตของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
Bitcoin Cryptocurrency ทำ