Categories
การลงทุน ความรู้ทั่วไป

แก้ปัญหาการล้างพอร์ต ด้วยการเลิก 7 นิสัยนี้

แก้ปัญหาการล้างพอร์ต ด้วยการเลิก 7 นิสัยนี้

แก้ปัญหาการล้างพอร์ต เป็นสิ่งที่นักลงทุนทุกคนจะต้องให้ความสนใจกับคำๆ นี้ เพราะ “การล้างพอร์ต” ถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากเจอสักเท่าไหร่ นอกจากหุ้นติดดอย การล้างพอร์ต ก็เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่ง ที่แค่นึกถึงก็เหมือนเป็นฝันร้ายสำหรับนักลงทุน ซึ่งในการเทรดนักลงทุนแทบทุกคนอาจจะต้องเคยประสบพบเจอกับเหตุการณ์ล้างพอร์ตเช่นนี้กันมา ไม่มากก็น้อย บางคนเทรดเท่าไร ก็ล้างพอร์ตตลอด ซึ่งถือว่าเป็นประสบการณ์ที่สร้างความสูญเสียและเจ็บปวดใจกันไปไม่น้อยเลยทีเดียว สาเหตุของการที่ทำให้ทุกคนต้องล้างพอร์ต มีหลายอย่างด้วยกัน ทั้งในเรื่องของการขาดความรู้ เรื่องของการควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ โดยในบทความนี้เราจะมาพูดถึงสาเหตุกันว่าเป็นเพราะอะไร ทำไมถึงเกิดการล้างพอร์ต นิสัยแบบไหนที่ทุกคนไม่ควรเอามาใช้ในการเทรด นิสัยแบบไหนที่ควรแก้ไขปรับปรุง เพื่อที่ทุกคนจะได้รอดพ้น จากประสบการณ์ล้างพอร์ตแบบซ้ำๆ และทำให้คุณเทรดได้อย่างมีสติมากขึ้น ศึกษาการลงทุนก่อนที่พอร์ตของคุณจะล้าง  ด้วย คำถามสำคัญก่อนการลงทุน

แก้ปัญหาการล้างพอร์ต ด้วยการเลิก 7 นิสัยนี้ gooinvest

แก้ปัญหาการล้างพอร์ต ด้วยการเลิก 7 นิสัยนี้

1 . แก้ปัญหาการล้างพอร์ต ด้วยการเลิกนิสัยขยับจุด Stop loss (SL)

สำหรับนักลงทุนบางท่าน เมื่อใกล้ถึงกำหนดจุดตัดขาดทุนหรือ Stop loss นักลงทุนบางคนอาจจะไม่กล้าที่จะตัดใจยอมขาดทุน จึงทำให้เลือกที่จะขยับจุด Stop loss ไปเรื่อยๆ เพราะหวังว่าอาจจะยังคงทำกำไรได้ ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้สำหรับบางคนอาจจะเลือกที่ยกเลิกจุด Stop loss ไปเลยก็มี จนทำให้นำไปสู่การล้างพอร์ต

2. นิสัยการเทรดเข้าข้างตัวเองและหาเหตุผลต่าง ๆ มารองรับความคิดตัวเอง

ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เช่น ในบางครั้งเมื่อเล่นสวนทางกับตลาด นักลงทุนบางคนจะไม่ยอมรับว่าตัวเองนั้นเล่นผิดทาง แต่กลับพยายามหาเหตุผลอื่น ๆ ที่มาสนับสนุนความคิดของตนเองอย่างการมองหาแนวรับแนวต้านอื่น ๆ เพิ่ม หรือมองหาเทคนิคอื่น ๆ เพิ่ม บางคน พอรู้ตัวเองว่า นิสัยการเทรดแบบนี้ไม่ดี แก้ไขได้เลย อันนี้ก้อโชคดี แต่ส่วนใหญ่ไม่ใช่ บางเรื่องแก้ไขกันเป็นปี จนบางทีกลายเป็นเรื่องที่ไม่มีทางแก้ได้ เพราะล้มเลิกไปเอง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือนิสัยนั้นยากยิ่ง ต้องรู้ซึ้ง และพร้อมยินยอมแก้ไขทั้งร่างกายและจิตใจเท่านั้น เราจึงมักเห็นคนที่ต้องล้ม หรือพลาดหนักๆจนเข็ดขยาดเท่านั้นจึงจะยอมเลิกนิสัยการเทรดที่ทำให้พลาดได้บ่อยๆนั้นได้

3. แก้ปัญหาการล้างพอร์ต ด้วยการเลิก นิสัยหาเหตุผลมารองรับความผิดพลาดของตัวเอง

นิสัยคุณเป็นอย่างไร มันจะสะท้อนออกมาจากพฤติกรรมการเทรดทั้งหมด ตั้งแต่การเลือกหุ้น ไปจนถึงทำกำไร ถึงได้มีคำกล่าวที่ว่า “ยิ่งรู้จักตัวเองยิ่งมาก ยิ่งเทรดได้ดี” เพราะการที่เรา รู้จักพฤติกรรมตัวเองมาก ยิ่งควรต้องรู้ข้อดีข้อเสีย ของการสั่งซื้อ สั่งขาย การวิเคราะห์หุ้น รูปแบบการคัดกรอง ว่าละเอียด รอบคอบ เหมาะสมอย่างไร? การค้นหาตัวตน หรือสไตล์ของตัวเองนั้น มิใช่เรื่องง่าย ซึ่งจริงๆ มีตัวช่วยมากมายที่นิยมทำการคือแบบทดสอบที่ช่วยบ่งบอกตัวตน แต่แน่นอน นั่นแค่คร่าวๆ เท่านั้น วิธีการที่ควรเริ่มทำคือ เขียนออกมา เราเป็นคนแบบไหน ชอบอะไร และหัวข้อที่สำคัญคือ เวลาพบเจอเหตุการณ์ใด ควรจดอารมณ์ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นไว้ด้วยว่า ชอบไม่ชอบ ยิ่งละเอียดยิ่งดี ซึ่งจะช่วยให้คุณรู้ สังเกตุ และพยายามแก้ไข ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในการเทรดได้มากๆ เลยทีเดียว เมื่อเกิดความผิดพลาดจากการเทรดซึ่งเป็นความผิดพลาดที่เกิดจากตนเอง นักลงทุนบางคนอาจจะเลือกที่จะโยนความผิดพลาดนี้ไปที่สาเหตุอื่น ๆ เช่น ติดงาน ไม่มีเวลา จนกลายเป็นข้ออ้างที่จะไม่ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการเทรดเพิ่มเติมจนนำไปสู่การล้างพอร์ต ซึ่งในทางที่ดีนักลงทุนควรจะยอมรับและมองหาวิธีการเทรดให้เหมาะสมกับตนเอง  หรือลองศึกษาการลงทุนใน รูปแบบ Copy trade เพิ่มเติม เพื่อศึกษาเทคนิคการเทรดจากผู้เชี่ยวชาญ

4. แก้ปัญหาการล้างพอร์ต ด้วยการเลิก นิสัยเข้า - ออก ออเดอร์ ด้วยความรู้สึกมากกว่าเหตุผล

ในการเทรดนักลงทุนบางคนมักจะเลือกเข้า-ออกออเดอร์ ด้วยความรู้สึกที่เรียกว่า “คิดว่า” ตามสัญชาติญาณของตนเอง โดยปราศจากการวิเคราะห์ด้วยเหตุผล และ ขาดความรู้ใน เทคนิควิเคราะห์กราฟ นอกจากนี้ ยัง กลัวขาดทุนไปมากกว่านี้เลยเลือกที่จะปิดออเดอร์อย่างรวดเร็ว ซึ่งในสุดท้ายแล้ว มักจะนำไปสู่การล้างพอร์ตได้ในที่สุด อย่าไปปักใจเชื่อตามที่ตัวเองวิเคราะห์ หรือตามที่ได้ยินได้ฟังจากเหล่ากูรูแล้วซื้อแบบจัดหนัก เพราะความเสี่ยงเกิดขึ้นได้เสมอ ยิ่งซื้อเยอะๆ ก็อาจขาดทุนได้เยอะเช่นกัน ไม่มีใครเก็งกำไรถูกต่อเนื่องกันทุกครั้ง การจำกัดความเสี่ยงและขนาดของการเทรดจึงเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรกๆ และที่สำคัญการที่คุณติดตามดูกราฟบ่อยๆ เพราะว่าเมื่อคุณเทรดด้วยเงินจำนวนเยอะ เวลากราฟมันร่วงลง คุณก็จะเห็นจำนวนเงินติดลบที่มันเยอะ จิตใจคุณก็จะรู้สึกกังวล กลัวว่ามันจะร่วงไปอีก คุณเลยเปิดดูกราฟอยู่บ่อยๆเพื่อหวังให้กราฟมันเด้งขึ้นแล้วจะทำให้สบายใจ แต่ถ้าคุณรู้จักใช้ขนาดการเทรดที่เหมาะสม มีการตั้งจุดตัด ขาดทุน และคิดไว้ก่อนเสมอว่า ถ้าโดนตัดขาดทุนจะเสียเงินในจำนวนที่พอรับได้ ขนหน้าแข้งไม่ร่วง แค่นี้ความเครียด ความกังวลก็จะหายไปเยอะเลยครับ ไม่จำเป็นต้องไปเร่งรีบให้รวยเร็วๆ แค่จำกัดความเสี่ยง ให้เป็นและเทรดอย่างมีระบบ รับรองว่าผ่านไปไม่กี่ปีคุณจะรวยกว่าเทรดเดอร์ที่ไม่จำกัดความเสี่ยงแน่นอน

5. นิสัยเปิดออเดอร์ทำ Balance แต่ไม่คำนวณค่าธรรมเนียม

Balance ในพจนานุกรมภาษาอังกฤษ มีความหมายว่า ความสมดุล หรือ ดุลยภาพ แต่ในตลาด Forex หมายถึง “เงินในบัญชี” แต่เป็นจำนวนเงินที่ไม่เรียลไทม์ หากขณะนั้นบัญชีของคุณมีออร์เดอร์ที่ติดลบ แต่คุณยังไม่ทำการปิดออร์เดอร์นั้น Balance ก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง คำว่า Balance สำหรับการเทรด forex หมายถึงยอดเงินที่เราฝากเข้าไปในบัญชี ไม่ได้รวมกับ Bonus ที่เรามี หรือหากเราไม่มีโบนัส (ไม่รวมกำไรหรือขาดทุน) เมื่อเราปิดยอดกำไรขาดทุนแล้วยอด Balance คือยอดเงินสุทธิของเราที่เราสามารถอนได้ โดยปกติค่า Balance มักนิยมออกมาเป็นค่า เงินบาท หรือว่าเป็นค่า USD ดอลล่าร์ เช่น ฝากเงินไป 200 $ Balance จะ = 200 $ โดยการเทรดแต่ละออเดอร์ย่อมมีค่าธรรมเนียมในทุก ๆ ออเดอร์ ยิ่งเป็น ออเดอร์ที่เป็น Lot ใหญ่ ๆ หรือถือข้ามวันค่าธรรมเนียม ก็ยิ่งสูงตามไปด้วย ถึงแม้เราจะทำ Balance ได้แต่ต้องมีการหักค่าธรรมเนียมสูง ซึ่งมีโอกาสที่จะนำไปสู่การล้างพอร์ตได้เช่นกัน ซึ่งในทางที่ดีนักลงทุนควรที่จะเลือกออเดอร์ใด ออเดอร์หนึ่งเพื่อทำกำไร

6. นิสัยถอดใจตัดใจยอมเสีย ปล่อยอารมณ์เข้าครอบงำ

การเทรดอย่ายึดติดกับอดีต อย่ายึดติดในราคา การปล่อยให้ราคาหุ้นร่วงลงหนักขึ้นๆ โดยหวังว่ามันจะกลับมาที่เดิมเป็นการตัดสินใจที่ผิดอย่างมาก คนเราต้องหัดยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง ต้องกล้าที่จะ Stop Loss ถึงแม้ในที่สุดมันจะกลับมาที่เดิม ถ้าถึงเวลลานั้นค่อยกลับเข้ามาสู้ใหม่ดีกว่า และที่สำคัญ อย่าพยายามเอาคืน เวลาพลาดพลั้งไปแล้ว มันจะส่งผลกระทบต่อเป็นลูกโซ่กับการตัดสินใจครั้งต่อไป หากยิ่งพยายามเอาคืนมากเท่าไร เราก็จะใช้อารมณ์ในการเทรดมากเท่านั้น ด้วยความอยากเอาชนะ จะยิ่งทำให้เราแพ้โดยสิ้นเชิง และอีกอย่าง อย่าคอยแต่เทรดตามคนอื่น หวังรวยทางลัด หวังสบาย เราควรที่จะศึกษาหาความรู้ วางแผน วางระบบ หาความเป็นตัวเอง และทำตามอย่างมั่นใจ แล้วเกี่ยวอะไรกับการควบคุมอารมณ์ เพราะการตามคนอื่นเราตามได้แต่การซื้อขาย เราไม่รู้แท้จริงแล้วคนที่เรา เขาซื้อหรือเขาขายด้วยอะไร ใช้อารมณ์มากน้อยแค่ไหนในการตัดสินใจออเดอร์นั้น

7. แก้ปัญหาการล้างพอร์ต ด้วยการเลิกนิสัยโลภ

สาเหตุของนำไปสู่การล้างพอร์ตที่มักจะพบได้บ่อย เนื่องจากมักจะเป็นกลุ่มที่เข้ามาเทรดโดยปราศจากความรู้ หรือเข้ามาโดยการเชื่อคำโฆษณาต่าง ๆ เช่น การโฆษณาที่ว่าสามารถทำกำไรได้เดือนละ 30 – 50% 

จากข้อมูลข้างต้นนี้เป็นเพียงพฤติกรรมบางส่วนที่มักจะพบได้บ่อยซึ่งอาจกลายเป็นสาเหตุของการนำไปสู่การล้างพอร์ตโดยสิ่งสำคัญที่สุดที่ผู้เทรดต้องมีสำหรับการเทรดคือความรู้และสติเนื่องจากในการลงทุนทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรจะศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนการลงทุน ซึ่งสามารถ ปรึกษาการลงทุน กับเราได้ฟรี

Facebook
Twitter
Categories
Technical Analysis การลงทุน

ทฤษฎี Dow Theory ต้นกำเนิด กราฟเทคนิค ที่มือใหม่ ห้ามพลาด

ทฤษฎี Dow Theory ต้นกำเนิด กราฟเทคนิค ที่มือใหม่ ห้ามพลาด

ทฤษฎี Dow Theory ถือกำเนิดขึ้นโดย Charles Henry Dow ที่นับได้ว่าเป็น ศาสดา แห่งการวิเคราะห์ กราฟเทคนิค ต้องย้อนไปถึงปี 1896 เขาคิดค้นสิ่งที่เรียกว่า “ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์” ซึ่งเขายังเป็น บรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ The Wall Street ที่จะต้อเขียน บทวิเคราะห์ รวมถึงต้องติดตามราคา หุ้น ทองคำ ต่างๆ แต่ในยุคนั้นยังไม่มีกราฟให้เทรดในทุกวันนี้ เขาจึงติดตามราคา ด้วยการสร้างการบันทึก กระทั่งนำมาสร้างเป็น ดัชนี ที่เราใช้กันในทุกวันนี้ จึงต้องยอมรับให้เขาเป็น ศาสดาแห่ง กราฟ รวมถึงการวิเคราะห์ทางเทคนิค เพราะพื้นฐานการวิเคราะห์หลายๆอย่างนั้น ถูกสร้างขึ้นมาจาก พื้นฐานของ ทฤษฎี นี้นั่นเอง

ทฤษฎี Dow Theory ต้นกำเนิด กราฟเทคนิค ที่มือใหม่ ห้ามพลาด Charles henry dow Goo invest Trade

ทฤษฎี Dow Theory แบ่งออกเป็น 6 หลักการสำคัญ คือ

1. ตลาดมีการเคลื่อนไหวหลักๆ อยู่ 3 รูปแบบ (The market has three movements) คือ

  • แนวโนมโหญ่ (The main movement or Primary trend) = 1-3 ปี หรือมากกว่า
  • แนวโน้มกลาง(The medium swing or Intermediate trend) = 3 สัปดาห์ – 3 เดือน หรือมากกว่า
  • แนวโน่้มระยะสั้นๆ (The short swing or Minor trend) = รายวัน – เดือน หรือมากกว่า

2. ตลาดหุ้นมี Trend

แบ่งเป็น 3 ช่วงใหญ่ๆ (Market trends have three phases) คือ ช่วงสะสมหุ้น (The accumulation phase) ช่วงมหาชนมีส่วนร่วม (The public participation phase) ช่วงแจกจ่ายหรือปล่อยของ (The distribution phase)

 

3. ราคาสะท้อนทุกอย่างในตลาดอยู่แล้ว (The prices reflect the market already)

 

4. ทุกอย่างต้องมีความสอดคล้องกัน (Market Indexes Must Confirm Each Other)

 

5. ถ้าตลาดจะมีเทรนด์ ต้องมีปริมาณยืนยัน (Volume Must Confirm The Trend)

 

6. ราคาจะขึ้นจนกว่ามันจะไม่ขึ้น และจะลงจนกว่ามันจะลง (Trends exist until definitive signals prove that they have ended)

แนวโน้มตลาดแบ่งเป็น 3 แนวโน้มหลัก

แนวโน้มขาขึ้น ตามหลักการของ ทฤษฎี Dow Theory

ทฤษฎี Dow Theory ต้นกำเนิด กราฟเทคนิค ที่มือใหม่ ห้ามพลาด แนวโน้มขาขึ้น Goo Invest trade

แนวโน้มขาขึ้น ตาม ทฤษฏี นั้นราคาจะต้องทำ จุดสูงสุดใหม่ Higher high  และ จุดต่ำสุดใหม่ Higher Low สูงขึ้นไปเรื่อยๆ และจุดต่ำสุดใหม่ Higher Low จะต้องไม่ลงมาทำจุดต่ำสุดใหม่ ต่ำกว่า จุดสูงสุดใหม่ก่อนหน้า Higher high จึงจะถือเป็นแนวโน้มที่แข็งแรง

แนวโน้มขาลง ตามหลักการของ ทฤษฎี Dow Theory

ทฤษฎี Dow Theory ต้นกำเนิด กราฟเทคนิค ที่มือใหม่ ห้ามพลาด แนวโน้มขาลง Goo Invest trade

แนวโน้มขาลง ตาม ทฤษฏี นั้นราคาจะต้องทำ จุดต่ำสุดใหม่ Lower Low  และ จุดสุดสุดใหม่ Lower High ต่ำลงไปเรื่อยๆ และจุดสูงสุดใหม่ Lower High จะต้องไม่ขึ้นมาทำจุดสูงสุดใหม่ สูงกว่า จุดต่ำสุดใหม่ก่อนหน้า Lower Low จึงจะถือเป็นแนวโน้มที่แข็งแรง

แนวโน้ม Sideway ตามหลักการของ ทฤษฎี Dow Theory

ทฤษฎี Dow Theory ต้นกำเนิด กราฟเทคนิค ที่มือใหม่ ห้ามพลาด sideway Goo Invest trade

ช่วง Sideway หรือช่วงที่ไม่มีแนวโน้มชัดเจน high low ไม่ทำจุดสูงสุดใหม่ หรือจุดต่ำสุดใหม่ ราคามักจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบราคา โดย จุดสูงสุด High หรือ จุดต่ำสุด Low ทำอยู่ในระดับราคาเดิม

ทฤษฎี Dow Theory ต้นกำเนิด กราฟเทคนิค ที่มือใหม่ ห้ามพลาด sideway up Goo Invest trade

แนวโน้ม Sideway Up ตาม ทฤษฏี นั้นราคาจะต้องทำ จุดสูงสุดใหม่ Higher high  และ จุดต่ำสุดใหม่ Higher Low สูงขึ้นไปเรื่อยๆ และจุดต่ำสุดใหม่ Higher Low จะต้องลงมาทำจุดต่ำสุดใหม่ ต่ำกว่า จุดสูงสุดใหม่ก่อนหน้า Higher high จึงจะถือเป็นแนวโน้ม Sideway Up

ทฤษฎี Dow Theory ต้นกำเนิด กราฟเทคนิค ที่มือใหม่ ห้ามพลาด sideway down Goo Invest trade

แนวโน้ม Sideway Down ตาม ทฤษฏี นั้นราคาจะต้องทำ จุดต่ำสุดใหม่ Lower Low  และ จุดสุดสุดใหม่ Lower High ต่ำลงไปเรื่อยๆ และจุดสูงสุดใหม่ Lower High จะต้องขึ้นมาทำจุดสูงสุดใหม่ สูงกว่า จุดต่ำสุดใหม่ก่อนหน้า Lower Low จึงจะถือเป็นแนวโน้ม Sideway Down

ทฤษฎี Dow Theory วัฏจักรตลาด Market Cycle

ทฤษฎี Dow Theory ต้นกำเนิด กราฟเทคนิค ที่มือใหม่ ห้ามพลาด Market Cycle วัฏจักรตลาด Goo Invest trade

เรื่อง วัฏจักรตลาด Market Cycle ตามหลักการของ ทฤษฎี Dow Theory ได้บอกไว้ว่า ตลาดจะมีรอบหรือ cycle ของตลาดทุกๆ 10 – 12 ปี ซึ่งรอบหนึ่งจะมีช่วงที่ ราคาขึ้นไปถึงสูงสุด และ ลงมาที่จุดต่ำสุดจะนับเป็น 1 รอบซึ่งหากใครได้ศึกษาประวัติของกราฟ ก็จะพบว่ามีหลักฐานอ้างอิงถึงหลักการดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น ราคาของ Dow Jones หรือ SET INDEX เองก็ตามโดยมีประวัติราคาเป็นตัวอ้างอิง ซึ่งรอบตลาดนี้ เกิดขึ้นกับทุกๆตลาด หากเกิดขึ้นกับตลาดที่มีพื้นฐานเช่น หุ้น หรือ ดัชนี Index เราจะพบว่า ราคาจุดสูงสุด และราคาจุดต่ำสุด มักจะมีการปรับตัวยกสูงขึ้นเนื่องจาก มูลค่าพื้นฐานของหุ้นนั้นเติบโตขึ้นด้วยเช่นกัน

 

และตาม ทฤษฏี ยังได้พูดถึง คลื่นย่อยหรือ Wave ย่อย ซึ่งมันจะมี รอบ วัฏจักร ย่อยของมันเช่นกัน โดย คลื่นหนึ่งคลื่น หรือ หนึ่ง Wave จะมี ระยะเวลา หรือ รอบ ที่ 9-12 เดือน ในแต่ละคลื่น

โดยคลื่นแต่ละคลื่นจะสามารถย่อยลงได้อีกโดยจะแบ่งย่อยลงไปถึง คลื่นเล็กที่อยู่ในระยะ 3 เดือน

ซึ่งหากเข้าใจหลักการนี้ จะสามารถช่วยให้คุณนำไปวางแผนช่วยเทรด ได้เป็นอย่างดีซึ่งหากคุณรู้ว่าคุณอยู่ในช่วงไหนของตลาด จะช่วยให้คุณปรับกลยุทธ์ หรือวางแผนกลยุทธ์ได้ดียิ่งขึ้น

ทฤษฎี Dow Theory ต้นกำเนิด กราฟเทคนิค ที่มือใหม่ ห้ามพลาด Market Cycle วัฏจักรตลาด Dow jones Goo Invest trade

ตัวอย่าง วัฏจักรตลาด Market Cycle จาก Dow Jones

ทฤษฎี Dow Theory ต้นกำเนิด กราฟเทคนิค ที่มือใหม่ ห้ามพลาด Market Cycle วัฏจักรตลาด set index Goo Invest trade

ตัวอย่าง วัฏจักรตลาด Market Cycle จาก SET Index

ทฤษฎี Dow Theory ต้นกำเนิด กราฟเทคนิค ที่มือใหม่ ห้ามพลาด ปัจจัยพื้นฐานตามช่วงตลาด Goo Invest trade

ในแต่ละช่วงเวลา จะมีปัจจัยที่เป็นพื้นฐาน ในการขับเคลื่อนราคา ของแต่ละช่วงอยู่ ตามทฤษฏี

ช่วงเริ่มต้นแนวโน้มขาขึ้น เริ่มจากช่วงที่ราคาอยู่ใกล้จุดต่ำสุดหรือช่วงเริ่มต้นแนวโน้ม ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ไม่ได้รับความสนใจ จากคนทั่วไป แต่หากมองลงไปในพื้นฐาน ของหุ้นนั้นๆ จะพบว่า ผลการดำเนินการของหุ้น จะเริ่มทรงตัว หรือปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย จากที่ตลาดผ่านช่วงการเทขาย หรือช่วงขาดทุนมาต่อเนื่อง และมีการเทขาย มาจากมวลชน แต่นักลงทุน กลับเริ่มเข้ามาในตลาด และซื้อสะสมใน ช่วงเริ่มต้นแนวโน้ม

ช่วงมวลชน หรือ ระยะกลางของแนวโน้มขาขึ้น ในช่วงนี้ มวลชน สื่อ หรือ คนทั่วไปจะเริ่มเข้ามาจับตามอง และทยอยเข้ากันเป็นจำนวนมาก มักจะเป็นช่วงที่ ราคาจะวิ่งแรงและไกลที่สุด เพราะ สื่อทุกสื่อ จะจับตามองและมีการพูดถึงกันในวงกว้าง รวมถึง ผลประกอบการพื้นฐานก็จะดีขึ้น ตามลำดับซึ่งเป็นไปตามกลไกล ของระบบเศรษฐกิจ คนที่เข้ามาซื้อในช่วงนี้ มักจะเป็น นักเกร็งกำไร หรือ คนที่เทรดในระยะกลาง รวมถึง Trend Following

ช่วงท้ายตลาดของขาขึ้น หรือเรียกว่าเป็นช่วงเริ่มต้นของขาลง จะเป็นช่วงที่ตลาดกำลังคึกคักกันอย่างมาก และเป็นช่วงที่ได้รับความนิยมจากคนทั่วไปเป็นอย่างสูง แต่พื้นฐาน หุ้นกลับ ไม่เติบโตหรือ ผลประกอบการ แย่ลง และจะเป็นช่วงที่นักลงทุนระยะยาวเริ่มจะปล่อยของ แต่มักจะเป็นช่วงที่ แมงเม่า เข้ามา หรือจะบอกว่าเป็น ยอดดอยก็ไม่ผิด

ช่วงระยะกลางของแนวโน้มขาลง เช่นเดียว กับระยะกลางของแนวโน้มขาขึ้น แต่เป็นไปในทิศทางที่กลับกัน กับแนวโน้มขาขึ้นจะเป็นข่าวดีเข้ามารองรับการขึ้นเป็นจำนวนมาก สื่อต่างๆจะพูดถึงแต่เรื่องดีๆของหุ้นตัวนี้ แต่ในทางขาลงจะเป็นข่าวที่เป็นข่าวเชิงลบทั้งสิ้น ส่งผลทำให้ มวลชนแห่ขายกันจำนวนมาก

ช่วงท้ายตลาดของขาลง จะเป็นช่วงที่ แทบจะไม่ได้รับรับความสนใจเลย และมี แมงเม่า ติดดอยกันเป็นจำนวนมาก และส่วนมากก็จำต้อง ตัดขาดทุนกันไป แต่กลับกันในช่วงนี้พื้นฐานของหุ้นเริ่มชลอการขาดทุน ตัวเลขกลับเริ่มพื้นตัว และนักลงทุนระยะยาว หรือ Value Investor VI เริ่มจับตามอง หรือ เริ่มสะสม ในช่วงนี้

Facebook
Twitter

เปิดบัญชีซื้อขายทองคำ

Categories
Technical Analysis การลงทุน

Pivot Point คืออะไร ใช้งานอย่างไร

Pivot Point คืออะไร ใช้งานอย่างไร

Pivot Points คือราคากลางที่ นักลงทุน นักเกร็งกำไร และ นักเทรด ให้การยอมรับและนำมาใช้เป็น ค่าราคากลางเพื่อวางแผนการเทรดในวันถัดไปโดย จะนำค่าราคาดังกล่าวมาสร้างเป็น แนวรับ แนวต้าน ของแต่ละวัน โดยการคำนวนนั้นจะใช้ ราคาสูงสุดของวันก่อนหน้า ราคาต่ำสุดของวันก่อนหน้า และ ราคาปิดของวันก่อนหน้า มาคำนวนโดยจะมี สูตรดังนี้

Download โปรแกรมเทรดฟรี

ขอรับ ลิ้ง Download Pivot Indicator

สูตรคำนวน Pivot Point

Pivot Point = [High + Low + Close] / 3

แนวต้าน1 ( R1 )= (2 x Pivot ) – Low
แนวต้าน2 ( R2 ) = (Pivot – แนวรับ 1) + แนวต้าน 1
แนวต้าน3 ( R3 ) = (Pivot – แนวรับ 2) + แนวต้าน 2

แนวรับ1 ( S1 ) = (2 x Pivot ) – High
แนวรับ2 ( S2 ) = Pivot  – (แนวต้าน 1 – แนวรับ 1)
แนวรับ3 ( S3 ) = Pivot  – (แนวต้าน 2 – แนวรับ 2)

Pivot point Goo Invest Trade

นับว่าเป็น อินดิเคเตอร์ ที่น่าสนใจมากโดยเฉพาะ เทรดเดอร์ ที่เทรดแบบ Price Action เพราะเป็นเครื่องมือที่คำนวนหา แนวรับ แนวต้าน ให้ได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ เป็นเพียงการคาดการณ์ เท่านั้น การจะใช้งานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ควรใช้เครื่องมือหรือการวิเคราะห์อื่นๆ เพื่อเป็นการยืนยันสัญญาณการกลับตัว หรือ หาแนวโน้มหลัก เพื่อประกอบ การวิเคราะห์ด้วย

เครื่อเมือที่เหมาะกับ การใช้งานประกอบ การยืนยัน การกลับตัว เช่น

Stochastic เป็น Indicator ที่ค่อนข้างไวกับการเปลี่ยนแปลงของราคาการเข้าที่เหมาะสมควรเข้าประกอบกับการ Overbought หรือ Oversold

Relative Strength Index RSI เหมาะกับการหา จุดกับตัวของคลื่น ซึ่งจะให้สัญญาณ ที่ช้ากว่า Stochastic แต่สัญญาณการกลับตัว ของ RSI นั้นค่อนข้างจะให้ความแม่นยำกว่า Stochastic จะบอกถึงการพักตัวในระยะสั้นๆเท่านั้น

เครื่อเมือที่เหมาะกับ การใช้งานประกอบ การยืนยัน แนวโน้ม เช่น

Moving Average เป็น Indicator ประเภทบอกแนวโน้มที่ นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ในกลุ่ม เทรดเดอร์ ซึ่งสิ่งสำคัญในการเริ่มต้น การวิเคราะห์ นั้นคงดีไม่พ้นเรื่องการหาแนวโน้ม เพื่อวางแผนการเทรด 

Trend line เป็นเครื่องมือประเภท Price Action ที่ไม่มีใครไม่รู้จักแนว ซึ่งสามารถ นำมาประกอบการวิเคราะห์ ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

MACD Indicator ที่เป็นประเภท Index หรือ ดัชนี ที่วัดการแกว่งของตลาด ได้อีกด้วย แต่ Indicator ตัวนี้จะนิยมใช้สำหรับหา แนวโน้มตลาด โดยมีค่ากลางที่ 0 

นี่เป็นเพียงตัวอย่างเครื่องมือ การวิเคราะห์ ที่สามารถนำมาใช้ประกอบกับ Pivot Point ได้ท่านยังสามารถ ลงทะเบียน เข้าเรียนเครื่องมือเหล่านี้ได้ฟรีกับเราได้ แต่ยังมีเครื่องมือวิเคราะห์อีกมาก ที่มีให้เลือกใช้ การวิเคราะห์มีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องศึกษา เพื่อที่จะอยู่รอดในตลาด รวมถึง การบริการจัดการเงิน ที่เป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก แม้คุณจะมีกลยุทธ์การเทรด ที่ดีเพียงใด แต่การจัดการเงินไม่ดีสุดท้ายก็สร้างความเสียหายให้ การลงทุนของท่านอยู่ดี 

Facebook
Twitter
Categories
การลงทุน ความรู้ทั่วไป ธุรกิจ

เลิกเป็นแมงเม่า ต้องทำอย่างไร มาแก้ไขพอร์ทเมื่อหุ้นติดดอย พร้อมกลยุทธ์เด็ดพิชิตลงทุนหุ้นไม่ให้เป็นเม่า

เลิกเป็นแมงเม่า ต้องทำอย่างไร มาแก้ไขพอร์ท หุ้นติดดอย พร้อมกลยุทธ์เด็ด พิชิตลงทุนหุ้น ไม่ให้เป็นเม่า

เลิกเป็นแมงเม่า ต้องทำอย่างไร มาแก้ไขพอร์ทเมื่อ หุ้นติดดอย พร้อมกลยุทธ์เด็ดพิชิตลงทุนหุ้นไม่ให้เป็นเม่า  ไม่ว่าจะมือใหม่ มือเก่า ต่างก็คงเคยเจอ สถานการณ์ที่เลวร้าย มาด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะติดดอย ตกเหว ของติดมือกันเต็มไปหมด สิ่งเหล่านี้ ก็มักเกิดจากความไม่รู้ขาดประสบการณ์ หลายคนเข้ามาในตลาดการลงทุนด้วย ด้วยความเข้าใจผิดๆ ขาดการศึกษา อันเป็นปัจจัยสำคัญ สำหรับหรือการเริ่มต้นของทุกคน ถ้าวันนี้คุณยังเป็นคนหนึ่งที่ ตกอยู่ในสภาวะขาดทุน หรือ ติดดอย และยังไม่สำเร็จในการลงทุน คุณอาจเป็น แมงเม่า ตัวหนึ่งที่กำลังเล่นอยู่กับไฟก็ได้ ลองตรวจสอบ ตัวของท่านดู เลิกเป็นแมงเม่า กันสักที

เลิกเป็นแมงเม่า ต้องทำอย่างไร มาแก้ไขพอร์ทเมื่อหุ้นติดดอย Goo Invest

เลิกเป็นแมงเม่า สัญญาณที่บ่งชี้ว่าคุณจะเป็นเม่าหรือเปล่า

สัญญาณ ข้อที่ 1

สัญญาณ ข้อที่ 1 คือ โลกสวย เชื่อคนง่าย คือ คนที่ชอบซื้อหุ้น และทำตามๆกันกับคนส่วนใหญ่  โดยที่ไม่ยอมคิดด้วยตนเอง ชอบเอาเงินร้อนมาเล่น และที่อันตราย ขั้นสุดคือการเล่นหุ้นด้วยบัญชีเงินกู้ เล่นหุ้นตามกระแส ที่เขาว่าดี มีคนเชียร์ ชอบอะไรที่ง่ายๆ รวดเร็ว และทำกาไรแบบสั้นๆ ไม่ยอมลงทุนอะไรเลย

เพราะคิดว่าแสนจะยากลำบาก แถมไม่เคยศึกษา หรือเรียกกันง่ายๆว่า ทำการบ้าน  ชอบลุยกันสดๆ ตอนตลาดเปิด ชอบหุ้นตัวเล็กๆ เพราะรู้สึกว่าซื้อได้จานวนเยอะ  และวิ่ง 1 ช่อง กาไรหลายสิบเปอร์เซนต์

สัญญาณ ข้อที่ 2

สัญญาณ ข้อที่2 คือ ระยะเริ่มเจอ การขาดทุน เริ่มเข้าใจ และเรียนรู้ว่าสิ่งใดถูกต้อง และควรศึกษา สิ่งใดไม่ควรทำตามในการเทรดหุ้น เริ่มรู้จักและเข้าใจคำว่าความเสี่ยง และความเจ็บปวดรวดร้าว กับเงินที่เสียไปจาก การขาดทุน ซึ่งเม่าเป็นจำนวนมาก มักใช้จังหวะนี้ต้องการที่จะ ดีดตัว ออกจากวังวนความสูญเสียเงิน ในกระเป๋า

จึงเริ่มศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม บ้างก็เริ่มเข้าคอร์สเรียน การสอนวิเคราะห์หุ้น เพื่อเรียนรู้การวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานในการลงทุนหุ้น การวิเคราะห์เทคนิคอล การดูกราฟหุ้นต่างๆเป็นต้น แต่อาการของเม่าระยะนี้ยังมั่นใจว่าตัวเองเก๋า และไม่รู้จักว่าจุดไหนคือจุดที่ต้อง cut loss และ let profit run

สัญญาณ ข้อที่ 3

สัญญาณ ข้อที่3 คือ เริ่มมีกลยุทธ์ การลงทุน และศึกษาเทคนิค การคัดเลือกลงทุน ในหุ้นที่ถูกต้องมากขึ้น เริ่มปลงเวลาเห็นหุ้นแดง หรือเริ่มนิ่งเป็น พระอิฐ พระปูน เวลาหุ้นเขียวสยายงดงามในพอร์ท การลงทุน แต่ก็ยังคงไม่มีความแม่นยาในการวิเคราะห์หุ้น ที่ถูกต้องเพราะติดอยู่กับนิสัยเดิมๆ ที่ชอบอะไรง่ายๆ สบายๆ ศึกษาบ้างพอได้กาไร ก็เริ่มปล่อยวาง คิดว่าตัวเองจับทิศทางได้แม่นยาแน่นอน สุดท้ายก็เลยเขียวๆแดงๆ สลับกันไป เทรดหุ้นได้กาไรบ้าง ขาดทุนบ้าง เพราะชอบแหกกฎการเทรดหุ้นที่ตัวเองตั้งเอาไว้เสมอ

สัญญาณ ข้อที่ 4

สัญญาณ ข้อที่4 คือ เริ่มจะเข้าสู่นิพพาน เพราะผ่านร้อนผ่านฝนมาหลายปี หรือไม่ก็เจ็บมาเยอะจนแอบ ร้องเพลง เจ็บจนชินมันกินในหัวใจนั่นเอง เมื่อผ่านวิกฤติต่างๆ มาได้และเริ่มค้นพบสัจธรรม ที่แท้จริงใน การลงทุนและ เทรดหุ้นที่ถูกต้อง อีกทั้งการศึกษา ที่เจาะลึกและ มีวินัยในการลงทุนหุ้น เพิ่มมากขึ้น เริ่มมองอนาคตเป็น เริ่มจับตาอุตสาหกรรมต่างๆ ของหุ้นที่ลงทุนได้ เลิกเล่นหุ้นตามข่าว เลิกตามคนอื่น ไม่สนใจแนวโน้มที่ใครๆ ต่างชักจูงชวนเชื่อ ซึ่งท้ายที่สุด จะหลุดพ้นจากคาว่าแมงเม่า ในตลาดหุ้นได้เพราะระดับนี้ สัญญาณกาไรนั้นชัดเจนมากกว่าขาดทุนอย่างมาก

และนอกจากนี้ การหลุดพ้น จากบ่วงวงจร แมงเม่า ที่แท้จริงก็คือการลงทุนใน สินทรัพย์ ที่มีความเสี่ยงหลากหลาย ทั้งสินทรัพย์ ที่มี ความเสี่ยงต่ำ สินทรัพย์ ที่มีความเสี่ยงปานกลาง และ สินทรัพย์ ที่มีความเสี่ยงสูง โดยมีการจัด แบ่งพอร์ตการลงทุน ให้เหมาะสมกับเงินเก็บ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนใน ตราสารอนุพันธ์ การลงทุนใน ตราสารหนี้ หรือแม้แต่การลงทุนใน อสังหาริมทรัพย์ก็ตาม

Facebook
Twitter
Categories
การลงทุน ธุรกิจ

Copy Trade

Copy Trade

Copy Trade คือ การคัดลอก คำสั่ง ซื้อ-ขาย แบบอัตโนมัติ จากผู้เทรดที่ได้ลงทะเบียนเป็นผู้ให้บริการ Copy มักถูกเรียกว่า Master และสำหรับผู้ไป ติดตามการซื้อขาย จาก Master จะเรียกว่า Follower ระบบแต่ละโบรคเกอร์ก็อาจมีชื่อเรียกเฉพาะ ของระบบที่ต่างกันออกไป เช่น Social Trade, Auto Trade โดยโบรคเกอร์จะเป็นผู้สร้างหรือเช่าระบบการ Copy มาให้บริการแก่นักลงทุน เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อการ ซื้อขายกับ Master และยังเปรียบเสมือนคนกลางที่จะช่วยป้องกันการทุจริต ไม่ว่าจะเป็นการ ทุจริตจากการนำเงินไปใช้ ผิดวัตุประสงค์ จากรูปแบบเดิมๆที่จะต้องเอาเงินให้กับ ผู้เทรดโดยตรงเพื่อให้ผู้เทรด ไปลงเทรด แต่กลับมีเหตุการขึ้นบ่อยครั้งที่ผู้เทรด นำเงินไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่น

 

มิใช่แต่ผู้ลงทุนเท่านั้นที่จะกังวลเรื่องการ ทุจริต ในส่วน Master เองก็มักถูกเบี้ยว ค่าจ้างเทรดด้วยเช่นกัน ในศัพท์ทาง Copy  มักเรียกว่าค่า Profit sharing ก็มักจะถูกผู้ลงทุนผิดข้อตกลง ด้วยเช่นกัน ระบบนี้ จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับ Master และ Follower อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ที่อยากลงทุน สามารถทำกำไรจากตลาดได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ หรือประสบการณ์ ที่มากนักเพราะการศึกษา และหาประสบการณ์ จากการเทรดอาจใช้เวลานานเป็นปีแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะถึงขนาดว่าผู้จะลงทุนจะไม่ศึกษาการลงทุนเลยเพราะ การลงทุนกับระบบ Copy นั้นก็มีความเสี่ยง จากการเทรดเสียหายเช่นกัน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ ผู้ลงทุนจะ ต้องศึกษาการเทรด ของ Master และอ่านประวัติการซื้อขาย ผลงานเทรด ด้วยเช่นกัน

widget

ผลงานการเทรดของเรา

การเลือก Master

Copy trade Social Trade exness Goo Invest Trade

แม้ระบบ Copy จะช่วยป้องกันจาก การทุจริต ใดๆก็ตามแต่ ยังมีความเสี่ยง เรื่องการเทรดหรือผลงานผู้เทรด เทรดเดอร์ หรือ Master ไม่ได้ถูก การันตี ว่าการเทรดของเข้านั้นจะกำไรเสมอไป และอาจเลวร้ายถึงขนาดสูญเสีย เงินต้น ของคุณทั้งหมดก็เป็นได้ หลายคนอาจชอบความหวือหวา ของ Master หลายๆคนที่ทำกำไรมหาศาล จนกลับลืมมองเรื่องความเสี่ยงไปเลย แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่คุณเลือกเอง แต่หากคุณกำลังมองหา Master ที่จะกำไรได้ในระยะยาว ก็จำเป็นที่คุณจะต้อง ศึกษาให้มากเช่นกัน โดยที่คุณจะต้องมีการประเมิณ Master ดังนี้

อายุบัญชี

การดูอายุบัญชี ก็ไม่ต่างจากอายุงานของผู้เทรดก็ว่าได้ เพราะยิ่งมีอายุบัญชียิ่งนาน ก็ยิ่งผ่านเหตุการณ์หรือ สภาวะตลาดที่หลากหลายมามาก มันอาจหมายถึงว่าระบบเทรด ประสบการณ์ การแก้ปัญหา หรือ การควบคุมอารมร์ ของ Master ผู้เทรด นั้นสามารถทำได้ดี

Drawdown

Drawdown หรือ ประวัติความเสียหาย ที่เคยเกิดขึ้นสูงสุด ต่อบัญชีเทรด มันอาจหมายถึงโอกาศหรือความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้น ในอนาคตต่อความเสี่ยงของเงินลงทุนคุณด้วยเช่นกัน 

ผลตอบแทน

ผลตอบบแทน ขึ้นกับความพึงพอใจของผู้ลงทุน หากคุณประเมิณแล้วว่าสามารถรับได้ เมื่อเทียบกับความเสี่ยง แต่คุณจะต้องคำนวนส่วนแบ่งของ Master หรือผู้เทรดเข้าไปด้วย เช่น Master คิดส่วนแบ่งกำไร  Profit Sharing ที่ 30% แต่เขาสามารถทำกำไรได้ 10% ต่อเดือน นั่นหมายความว่ากำไรที่คุณจะได้จริงคือ 70% ของกำไร

โดยทั่วไป Master ผู้เทรด จะแบ่งกำไรที่ 30% แต่อาจมีบาง Master คิดส่วนแบ่งสูงถึง 50% ดังนั้นผู้ลงทุนควรดูค่า Profit Sharing ให้ดี

Money Management

อาจเป็นเรื่องที่ยากสักหน่อย สำหรับมือใหม่ หรือผู้เริ่มศึกษาการเทรด เพราะมันเป็นเรื่องของการวางแผนการซื้อขาย ซึ่งอาจแบ่ง ระบบ การจัดการเงินได้หลายอย่าง ซึ่งในบางระบบ สามารถทำกำไรได้หลายเท่าตัว แต่อาจมีข้อเสียคือ Over Trade ทำให้เกิดความเสียหายหนัก หรือเสียเงินทุนทั้งหมด ในคราวเดียวเพียงในช่วงสภาวะที่ผันผวน หรือผิดไปจากการวิเคราะห์ของ Master

โดยปรกติ Master หรือผู้เทรด มักจะ เชื่อมต่อระบบ ต่างๆ เตรียมไว้ให้กับผู้ลง เพื่อให้สามารถเข้าไปตรวจสอบ รายละเอียดผลงานได้ไม่ว่าจะเป็น Myfxbook หรือ Investor Password ที่เป็น Log in พื้นฐานของ MT4 ที่จะสามารถทำเข้าดูบัญชีเทรดของ Master ได้อย่างละเอียดตั้งแต่เริ่มเทรด โดยเป็นการ Log in เช่นเดียวกับที่เรา Log in เข้าบัญชีเทรดส่วนตัวของเรา แต่ Investor Password จะไม่สามารถเปิดการซื้อขาย ของบัญชีนั้นได้ ซึ่งผลงานการเทรดควรเป็นเรื่องที่ควรเปิดเผยได้เมื่อ Master ตกลงจะเป็น Master นั่นควรแสดงออกถึงความโปร่งใส

ขั้นตอนการ

ขั้นตอนสำหรับการ Copy ด้วยระบบ Social Trade ของ Exness

การ Copy ท่านจะต้องเปิดบัญชีส่วนบุคคลกับโบรคเกอร์ Exness ก่อน โดยกด สมัครที่นี่ และมีขึ้นตอนการสมัครดังนี้หากท่านมีบัญชีเทรดกับ Exness แล้วให้ข้ามไปขั้นตอนถัดไป หรือหากต้องการย้าย IB เพื่อรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม กรุณาติดต่อเรา

 

Line Official Account : @gooinvesttrade

Facebook Page : @Goo.Investor

หรือแชทหน้าเราได้ทันที

หลังดำเนินการสมัครเรียบร้อยแล้วให้ท่านดำเนินการนำเงินเข้าไปที่ Social Trade ติดตั้ง App จากหน้าเว็บโดยเลือกที่เมนู Social Trade ให้ท่านติดตั้งและกดดำเนินการฝากเงินผ่าน App Social Trade

หลังจากดำเนินการฝากเงินเข้า Social Trade เรียบร้อยให้ท่านกดลิ้ง Master ของเราและกด คัดลอกการซื้อขายจากลิ้ง Master : https://social-trading.exness.com/strategy/11402502

เพียงเท่านี้ท่านก็สามารถ Copy การซื้อขายจากเราได้แล้ว

 

ติดต่อเรา

Line Official Account : @gooinvesttrade

Facebook Page : @Goo.Investor

หรือแชทหน้าเราได้ทันที

Facebook
Twitter
Copy trade Goo Invest Trade

เปิดบัญชีซื้อขายทองคำ

เปิดบัญชีซื้อขายทองคำ

Categories
Technical Analysis การลงทุน

แนวรับ แนวต้าน

แนวรับ แนวต้าน

แนวรับ แนวต้าน หากจะให้พูดถึง กันอย่างละเอียดแล้วเราต้องมาพูด ถึง พฤติกรรม การเทรดกันสักหน่อย หรือ จะเรียกว่า จิตวิทยาการเทรดกันเลยก็ว่าได้ อย่างที่ทราบกันดีว่า ราคาตลาดมีการขยับขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา และมันไม่ได้เคลื่อนไหวได้เองจากระบบ คอมพิวเตอร์ แต่อย่างใด แต่มันขึ้นจากแรงกระทำจากการซื้อขายของนักลงทุนนี่เอง และมันเกี่ยวอะไรกับแนวรับแนวต้านอย่างนั้นเหรอ เพราะ นักเทรด หรือนักลงทุน ทั่วโลกให้ความสำคัญกับมันและยอมรับมันในสิ่งที่เรียกว่าแนวรับแนวต้าน ซึ่งเป็นจุดที่จะทำให้ นักเทรด หรือ นักลงทุน ตัดสินใจซื้อหรือขาย ที่บริเวณกล่าว เกิดการต่อสู้กัน ระหว่าง นักเทรด ที่มีมุนมองต่างกัน กระทำการบางอย่างที่บริเวณนี้ ยิ่งเป็น แนวรับแนวต้านสำคัญในระดับ เดือน หรือ ปี แล้วยิ่งมีจำนวน การซื้อขายมาก

ซึ่งหากเกิดความชัดเจนหลังการต่อสู้กันของ นักลงทุน หรือนักเทรดที่เห็นต่างกันในแต่ละระดับราคา ก็จะยิ่งส่งให้ เกิด ปริมาณการซื้อขายตามมาอีกที่ เช่นการทดสอบแนวต้านแล้วไม่ผ่านก็มักจะมีแรงขายตามมาจำนวนมาก หรือหาก สามารถผ่านแนวต้านไปได้ ราคาก็มักจะวิ่งขึ้นไป ไกล และมีปริมาณซื้อตามเข้ามาในตลาดจำนวนมากเช่นกัน

แนวรับ แนวต้าน จิตวิทยาการเทรด Goo Invest Trade

แนวรับ หรือเรียกกันว่า Demand Zone คือ ระดับราคาที่มีคนต้องการซื้อมากที่บริเวณนั้น แต่ระดับราคานั้นจะอยู่บริเวณที่ต่ำกว่าราคาในปัจจุบัน คาดการณ์ว่าจะมีความต้องการซื้อเข้ามาอย่างมากเมื่อราคาลงมาที่บริเวณดังกล่าว

และหากมีการซื้อเข้ามาที่มากเพียงพอ ก็จะสามารถหยุด หรือรับราคาที่กำลังลงมาได้ นั่นหมายถึง มีแรงซื้อที่มากกว่า แรงขาย ยิ่งมีการทดสอบ หรือ พยายามจะลงให้ผ่าน แนวรับนี้มากเท่าไหร แต่ไม่สามารถลงไปได้ จะยิ่งตอกย้ำ ความมั่นใจให้กับ ฝั่งที่เป็น แรงซื้อ มากขึ้นเท่านั้น กลับกันมันกลับ ทำลายความมั่นใจ ให้กับกลุ่มที่เป็น ฝั่งขาย ด้วยเช่นกัน

แนวต้าน หรือ เรียกกันว่า Supply Zone คือ ระดับราคาที่มีคนต้องการขายมากที่บริเวณนั้น แต่ระดับราคานั้นจะอยู่บริเวณที่สูงกว่าราคาในปัจจุบัน คาดการณ์ว่าจะมีความต้องการขายเข้ามาอย่างมากเมื่อราคาขึ้นมาที่บริเวณดังกล่าว และหากมีการขายเข้ามาที่มากเพียงพอก็จะสามารถหยุด หรือต้านราคาที่กำลังขึ้นมาได้ นั่นหมายถึงมีแรงขายที่มากกว่าแรงซื้อ ยิ่งมีการทดสอบหรือ พยายามจะขึ้นให้ผ่านแนวต้านนี้มากเท่าไหร แต่ไม่สามารถขึ้นไปได้จะยิ่งตอกย้ำความมั่นใจให้กับฝั่งที่เป็นแรงขายมากขึ้นเท่านั้น กลับกันมันกลับทำลายความมั่นใจให้กับกลุ่มที่เป็นฝั่งซื้อด้วยเช่นกัน

จึงเป็นที่มาของวลีที่ติดหูกันว่า ” รับไม่ให้ลง ต้านไม่ให้ขึ้น “

ความสำคัญของ แนวรับ แนวต้าน

หากจะถามว่าราคาไหนถูก ราคาไหนแพง ก็คงไม่มีคำตอบที่ชัดเจน หากไม่มีเกณฑ์มาวัดความพอใจของผู้เทรด จึงเกิดการสร้างเกณฑ์ความพอใจขึ้นจากผู้เทรด ซึ่งก็เกิดจากมุมมองที่ต่างกันไปอีก สำหรับผู้เทรดแต่ละคนแต่หาจุดไหนที่มีความชัดเจน ก็มักจะนำมาใช้เป็นเกณฑ์กันมากยิ่งมีความชัดเจน ของระดับราคา มากแค่ไหน ก็ยิ่งนำมาใช้เป็น เกณ์วัดความถูกแพง ของราคามากเท่านั้น การมองหา แนวรับแนวต้าน หรือระดับราคา ที่จะใช้เป็นเกณฑ์การตัดสินใจ ในการสร้างระดับราคา

ซื้อขายนั้นขึ้นมาก็มีหลากหลายปัจจัย และก็จะมีกลุ่มนักเทรดที่ต่างกันไป เช่นกลุ่มที่เทรดด้วยระสั้นหรือกลุ่ม เดย์เทรด Daytrade,  กลุ่มที่เทรดระยะกลางหรือ สวิงเทรด์ Swingtrade หรือเป็นกลุ่มที่เป็นระยะยาว มุมมองต่อระดับราคา หรือ แนวรับแนวต้าน ของแต่ละกลุ่มก็จะต่างกันออกไป แต่ การวิเคราะห์ส่วนใหญ่นักเทรด เกือบทุกกลุ่มเทรด มักให้ความสำคัญต่อ กราฟที่เป็น Daily เป็นอย่างมาเพราะเป็นระยะการเทรดที่ไม่สั้น และไม่ยาวจนเกินไป เหมาะสำหรับการเก็งกำไร และ ลงทุน

จึงทำให้ระดับราคา แแนวรับแนวต้าน กราฟระดับ Daily นั้นมีความนิยม และมีปริมาณการซื้อขายมาก ในระดับ timeframe นี้ เพื่อหาต้นทุนที่ถูกนักลงทุนมัก เข้าซื้อที่บริเวณแนวรับ และขายที่บริเวณแนวต้าน

โอกาศในการทำกำไร และ การควบคุมความเสี่ยง ด้วย แนวรับ แนวต้าน

จากพฤติกรรมราคา โดยทั่วไปเมื่อมันเข้าทดสอบกับ แนวรับแนวต้าน หลังจากที่มีการ แลกเปลี่ยนการซื้อขาย ที่บริเวณทดสอบ หรือ หลังจากการจบ การต่อสู้กัน ของ ผู้ซื้อ และ ผู้ขาย แล้วไม่ว่าฝ่ายใดจะชนะ ราคาก็มักจะวิ่งแรง และ ไกล ซึ่งเราสามารถ ควบคุมความเสี่ยงได้ด้วย การตัดขาดทุน ในระยะที่สั้นกว่า ระยะทำกำไร  ด้วยการตัดขาดทุน ที่บริเวณแนวรับ หรือ ต้าน นั้นเท่านั้นแต่อาจทำ กำไรได้ 2 – 3 เท่าตัวของระยะการตัดขาดทุนขาดทุน

 

แนวรับแนวต้าน ไม่ได้หมายถึงระดับ ราคาที่อยู่ในระนาบเดียวกันเท่านั้น มันอาจเกิดขึ้นได้ด้วยการสร้าง เทรนไลน์ Trend Line ด้วยหลักการในการซื้อขาย เดียวกัน

 

Facebook
Twitter

เปิดบัญชีซื้อขายทองคำ

Categories
การลงทุน ธุรกิจ

PTT OR หุ้น แรงรับปี 2564

PTT OR หุ้น แรงรับปี 2564

PTT OR หุ้น แรงรับปี 2564 หรือ บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก OR สำนักงานใหญ่อยู่ที่  555/2 ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ อาคาร บี ชั้นที่ 12 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กทม ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ PTT โดยมี นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ เป็น ประธานกรรมการ และ นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ 

 

เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 16-18 บาท/หุ้น โดยเปิดจองวันแรกเมื่อวันที่ 24 มกราคาม 2564 และดำเนินการประกาศราคาเสนอขายวันสุดท้ายในเวลา 09.00 น.ของวันที่ 2 ก.พ.64 ผ่านเว็บไซต์ของ OR www.pttor.com

โดยการเปิดจองวันแรกก็ทำเอาระบบแบงค์ทั้ง 3 ที่เปิดให้บริการจองถึงกับล่มกันเลยทีเดียวนับว่าเป็นหุ้นที่ใครหลายต่อหลายคนหมายตากันอย่างมาก นับเป็นเรื่องที่น่าสนใจเป็นอย่างมากเนื่องจากในช่วงที่มีการเสนอขายหุ้น IPO อยู่ในช่วงวิกฤต โควิด 19 ที่เศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำอย่างสุดขีด แต่ ผู้เข้าซื้อหุ้น ปตท OR ยังเข้าซื้อกันอย่างมหาศาล

PTT OR หุ้นแรง ปี 2564 Goo Invest

ผู้ถือหุ้นของ ปตท. เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้น จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ PTT OR ในส่วนที่จัดสรรไว้ให้แก่ผู้ถือหุ้นของ ปตท. (Pre-emptive Rights) เมื่อวันที่ 25-28 ม.ค.64 ในการขาย IPO ของ OR มีการจัดสรรหุ้นแบบ small lot first คือผู้จองซื้อจำนวนน้อยได้รับการจัดสรรหุ้นก่อน กำหนดให้จองซื้อขั้นต่ำ 300 หุ้น ราคาหุ้นล่ะ 18 บาท เป็นเงิน 5400 บาท ถ้ามีหุ้นเหลือจึงจัดสรรเพิ่มให้แต่ละรายเท่ากันจนกว่าหุ้นจะหมด 

โดยครั้งนี้ เสนอขายหุ้น ipo ไม่เกิน 3000ล้านหุ้น ราคาหุ้นล่ะ 18 บาท และหุ้นจะออกเสนอขายให้ประชาชนครั้งแรก 2610 ล้านหุ้น สำรองไว้ที่ 390 ล้านหุ้น เพราะในตอนนี้ การจัดสรรให้นักลงทุนรายย่อย เพียง 300 ล้านหุ้น และส่วนใหญ่ถูกจัดสรรให้กับนักลุงทุนรายใหญ่  ที่เป็นกองทุนส่วนบุคคล และสถาบันต่างๆรวมไปถึงกระทรวงการคลัง 

 

ธุรกิจ PTT OR ทำอะไรบ้าง

ธุรกิจน้ำมัน

PTT OR หุ้น แรงรับปี 2564 ธุรกิจ น้ำมันค้าปลีก ของ PTT OR Goo Invest
PTT OR หุ้น แรงรับปี 2564 ธุรกิจน้ำมันเชิงพาณิชย์ ของ PTT OR Goo Invest

แน่นอนว่า ธุรกิจแรกของ ปตท.ต้องเป็นการค้าที่เกี่ยวกับน้ำมัน และสิ่งที่เราเห็นได้ชัดเลย สถานีบริการน้ำมัน PTT Station ที่ครอบคลุมทั้วประเทศ มีจำนวนสถานีถึง 1,900 สาขา ซึ่งถือว่าเป็นปั้มที่มีจำนวนเยอะที่สุด ในประเทศเราแล้ว

และเป็นปั้มที่ทันสมัย พร้อมการปรับตัวหรือการพัฒนาสู่อนาคต ในเรื่องของ พลังงานไฟฟ้า ที่ตอนนี้คนหันมาให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งปตท.นั้น ก็ติดตั้ง อุปกรณ์ สายชาร์ต ที่ทันสมัย และชาร์ตได้รวดเร็วตามความต้องการในอนาคต ซึ่งตอนนี้ติดตั้ง ไปแล้วประมาณ 14 สถานี

ซึ่งอนาคตที่ปตท. มีเป้าหมายติดตั้ง ให้ครอบคลุมทั้วประเทศ เพื่อ ตอบสนองความต้องการ หรือ การให้บริการ ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ และนอกจากนี้ pttor ยังจำหน่ายผลิตภัฌฑ์ ปิโตเลียม เชิงพานิชย์ ให้กับกลุมธุรกิจ อากาศยาน อุตสาหกรรม เรือขนส่งสินค้า ไปจนถึง PTT LPG

ผลิตภัณฑ์ น้ำมันหล่อลื่น PTT Lubricants และศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto ซึ่งผลกำไรของการทำธุรกิจน้ำมันนั้นตกเป็นเงินประมาณ 291,764.65 ล้านบาทเลยทีเดียว ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก ของ PTTOR

ธุรกิจค้าปลีกสินค้า หรือ Non-oil

PTT OR หุ้น แรงรับปี 2564 ธุรกิจค้าปลีก ของ PTT OR Goo Invest

ธุรกิจค้าปลีก หรือที่เรียกกันว่าธุรกิจ Non-Oil Business ที่ OR นำเข้ามาบริการกับผู้บริโภคที่ปั๊ม PTT Station อย่างเช่นร้าน Cafe Amazon ซึ่งในปี 2562 มียอดขายอยู่ถึง 264 ล้านแก้ว ขณะที่ปี 2563 (ข้อมูลถึง 30 ก.ย.63)

ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ที่เราเห็นหลักๆในทุกๆสถานี ได้แก่ Cafe Amazon / Texas Chiken / Hua Seng Hong Dimsum และ Pearly Tea ไปจนถึงร้านสะดวกซื้อ Jiffy ซึ่งเป็นธุรกิจลองลงมา ซึ่งทำกำไรให้กับ PTTOR ไม่น้อยเลยทีเดียวโดยมูลค้า ของธุรกิจนี้สูงถึง 11,690.81 ล้านบาท

ถือได้ว่า PTTOR เห็นช่องทางและโอกาศที่ดี ที่ทำธุรกิจควบคู่กันไป จึงทำให้สถานีบริการของ ปตท. นั้น ครบครันทั้งเครื่องดื่ม อาหาร ร้านสะดวกซื้อ เพราะนอกจากคนที่แวะเข้ามาใช้บริการเติมน้ำมันแล้วนั้น ก็มีอีกหลายคนที่แวะเข้ามาพัก ทานข้าว หรือซื้อเครื่องดื่ม เช่นกาแฟ เป็นต้น มีจำนวนสาขา 3,168 สาขา ทั้งนี้ยอดเฉลี่ยของการเข้ามาใช้บริการร้านคาเฟ่อเมซอนใน PTT Station ราวๆ 3 ล้านคนต่อวัน

หลังจากเริ่มปรับรูปแบบการขยาย ร้านคาเฟ่อเมซอน เป็นแบบแฟรนไชส์ ทำให้ภาพการเติบโตสูงขึ้น ทั้งในและนอกสถานีบริการเติบโตขึ้น เป็นเท่าตัว อีกทั้งยังขยายการทำธุรกิจไปแล้ว 10 ประเทศ

ธุรกิจในต่างประเทศ

PTT OR หุ้น แรงรับปี 2564 ธุรกิจต่างประเทศ ของ PTT OR Goo Invest

และเป็นการต่อยอดของ PTTOR ทีประสบความสำเร็จในธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน PTT Station Cafe Amazon / Jiffy / และ FIT Auto ในประเทศไทย ซึ่ง PTTOR มีศักยภาพ พอที่จะพัฒนาหรือขยายธุรกิจ ออกๆไปให้กว้างกว่าเดิม โดยการขยายสถานีบริการน้ำมันในต่างประเทศ พร้อมกับธุรกิจค้าปลีก ที่เราพูดถึงเมื่อข้างต้น โดยเริ่มต้นจาก ประเทศเพื่อนบ้านใกล้ๆเราเช่น ประเทศ ลาว / กัมพูชา / มาเลเชีย / เมียนม่า / ฟิลิปปินส์ / ญี่ปุ่น / สิงคโปร์ / โอมาน และประเทศจีน ซึ่งมีรายได้จากตัวเลขอ้างอิง ประมาณ 15,845.98 ล้านบาท ซึ่งถ้ามองดูแล้ว ก็ถือได้ว่า PTTOR ได้ก้าวเข้าสู่ประตูแห่งความสำเร็จไปอีกขั้นแล้วนั้นเอง

ธุรกิจใหม่ในอนาคตของ PTT OR

PTT OR หุ้น แรงรับปี 2564 ธุรกิจ พลังงานทดแทน ของ PTT OR Goo Invest

ตอนนี้หลายคนสงสัยว่า อนาคต ของ or นั้น จะเอาเงินลงทุนไปทำอะไรบ้าง ซึ่งอย่างที่ทราบกันดี ที่ or นั้นจะเปิดสาขาปั้มน้ำมันเพิ่ม ให้ครอบคุม รวมไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน และวันนี้มีข่าวคราว ว่านอกจาก จะเพิ่มสาขาแล้วนั้น or ยังให้ความสนใจ กับวงการยานยนต์ไฟฟ้า ทั้งค้าปลีกและ จุดเติมพลังงานไฟฟ้า และ แบตเตอร์รี่ อย่างครบวงจร ต้องบอกเลยว่า

อนาคตอันใกล้นี้ความเปลี่ยนแปลงด่านยานยนต์ค่อนข้างท้าทาย และแน่นอน ว่า or ไม่มองข้ามโอกาสนี้แน่นอน และตอนนี้ orนั้นก็เริ่มทำที่ชาตประจุไฟฟ้า ไปแล้วถึง 25ปั้ม และตอนนี้ยังมีบริษัทอัตประจุไฟฟ้า ภายนอกติดต่อมาขอร่วมธุรกิจ อย่าง DELTA ที่มีระบบ fast chage ที่สามารถชาตเต็มภายในไม่กี่นาที และรองรับทุกหัว ให้ลองรับในทุกๆเส้นทางหรือ ตามปั้มของ ปตท. หรือแม้แต่ กฟภ ที่PEA ก็ได้มีการจับมือกับทางปั้ม บางจากไปแล้ว ถึง20 จุด แต่อย่างไรก็ตาม

ก็ยังสรุปไม่ได้ว่า การคิดคำนวนค่าชาต ไฟจะอยู่ในราคาเท่าไหร่ เพราะต้องคำนวนทั้งค่าเช่า ส่วนแบ่งผลกำไรต่างๆ อีกมากมาย และก็ยังไม่แน่นอนที่ว่าสรุปแล้ว or จะจำมือกับใคร ใครจะได้เป็นคนร่วมลงทุน หรือ orจะเป็นคนลงทุนเองทั้งหมด 

โอกาสที่สอง นั้นก็คือในเรื่องของแบตเตอร์รี่ ซึ่งเป็นหัวใจหลักหรือหัวใจสำคัญของรถ ที่ใช้เครื่องยนต์ไฟฟ้า  แบตเตอร์รี่ตัวไหน ใช้ทนทานกว่า ใช้ได้นานกว่า หรือทำให้รถวิ่งๆได้ไกลกว่า ทำให้ or ได้จับมือกับ GPSC และหลายคนต้องสงสัยกับ GPSC ว่าเค้าทำธุรกิจอะไร GPSCนั้นเป็นบริษัทที่พัฒนาพลังงานทดแทน

หรือพลังงานไฟฟ้า แบตเตอร์รี่ ต่างๆ รวมกระทั้งเครื่องกักเก็บพลังงานที่ได้จากธรรมชาติ เช่นพลังงานแสงอาทิตย์ และ or เล็งเห็นว่า คนเริ่มหันมาใส่ใจโลกมากขึ้น หันมาใช้พลังงานสะอาดมากขึ้นจึงเป็นเรื่องดีที่ or และ GPSC ร่วมกันพัฒนา เพื่อเป็นผู้นำในการให้บริการพลังลังงานทั้งพลังงานจากปิโตเลียม จนไปถึงพลังงานสะอาดอย่างพลังงานไฟฟ้า

และลดต้นทุนในการชื่อจากต่างประเทศ จึงร่วมมือกันพัฒนา แบตเตอร์รี่ต้นแบบ semisolid ที่ให้กำลังไฟเยอะ แต่ต้นทุนแพง ซึ่งor ได้ร่วมลงทุนกับ GPSCในการพัฒนาแบตตัวนี้ถึง 20ล้านเหรียญ ตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 600 ล้านบาท ตั้งแต่ช่วงปี 2562 ตั้งแต่เดือนสิงหา 

ซึ่งเป็นเวลา เกือบสองปีที่ร่วมพัฒนา และตอนนี้ก็บอกได้เลยว่า ได้ทำต้นแบบของแบตเตอร์รี่ส่วนนี้สำเร็จแล้ว ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ที่ว่าจะเริ่มผลิตเมื่อไหร่เท่านั้นเอง ซึ่งที่คาดการ น่าจะนำมาผลิตที่ประเทศไทย โดย ราคาอยู่ที่ 100us/kWh หรือ ตีเป็นเงินไทยประมาณ 3000บาท/kWh ซึ่งก็เท่ากับที่ TESLA ทำเอาไว้

ซึ่งข่าวตอนนี้บอกว่าโรงงานผลิตเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขาดแต่เครื่องจักและการเซ็ตอัพ ซึ่งก็ติดปัญหาเรื่องของโควิด จึงทำให้ไม่สามารถเคลื่อนย้ายหรือเดินทางมาเซ็ทอัพได้แต่อย่างไรนั้น ถ้าผลิตได้นั้น แน่นอนครับว่านอกจากที่ขายภายในประเทศแล้วนั้น ยังสามารถส่งออกได้ เนื่องจาก ทุกคนต่างต้องการเเท็คโนโลยีที่ดี และราคาที่สามารถสู้กับ เจ้าอื่นได้นั้น ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีของ or เลยทีเดียว  

 

OR กับ นวัตกรรมใหม่ อย่างรถพลังงานไฟฟ้า

อีกหนึ่งธุรกิจของ or นั้นเป็นก้าวที่ใหญ่ และท้าทายเลยทีเดียวคือการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งทาง orนั้นได้เดินทางไปคุยกับบริษัท รถยนต์ไฟฟ้า สัญชาติจีน ที่เป็นบริษัท น้องใหม่ที่มีกระแสมาแรงมากๆ นั้นก็คือ ค่าย WM motor หรือ WELTMEISTER ซึ่งไปเซ็นสัญญาต่างๆเรียบร้อยแล้ว ซึ่งบอกเลยว่า ค่ายWM motor เป็นนวัตกรรมที่ล้ำสมัยในหลายๆด่านไม่น้อยหน้าTESLA เลยทีเดียว ซึ่งมียอดขายเป็นอันดับต้นๆของจีน แพ้ ค่าย NIO,Li Auto,Xpeng แค่นิดเดียว เท่านั้นเอง 

 

นี้ถือเป็นโอกาสที่ดีของ or ที่จะพัฒนาธุรกิจ และสร้างผลกำไรในอนาคต และนี้เองคือเหตุผลที่ทำให้การเปิดขายหุ้น ของ PTT.OR เป็นกระแสที่มาแรง และมีคนสนใจเป็นจำนวนมาก แล้วถ้ามีข้อมูลอัพเดทหรือข่าวคราวเพิ่มเติมเราจะมาเล่าสู่กันฟังอีกครั้ง

 

Cr : https://investor.pttor.com/th

 
Facebook
Twitter

เปิดบัญชีซื้อขายทองคำ

เปิดบัญชีซื้อขายทองคำ

Categories
Technical Analysis การลงทุน

สัญญาณ overbought oversold จาก Indicator ต่างๆ

สัญญาณ Overbought Oversold จาก Indicator ต่างๆ

สัญญาณ Overbought Oversold นั้นบอกนั้นสภาวะตลาดที่ ไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง มากเกินไปและ อาจเกิดการพักตัว หรือกลับตัวได้ โดยจะมีเครื่องมืออินดิเคเตอร์ หลายตัวที่จะช่วยหา สัญญาณ ดังกล่าวได้ เพื่อป้องกัน และช่วยไม่ให้ท่านเข้าซื้อหรือในช่วงที่ได้เปรียบ และสามารถนำมาปรับใช้กับกลยุทธ์การเทรดของท่านได้

Overbought คือ โซนที่มีปริมาณในการซื้อมากจนเกินไป และอาจทำให้มีแรงขายเข้ามาจำนวนมากที่จะเข้ามาในเร็วๆนี้อาจจะเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงว่า ราคานั้นจะมีการเปลี่ยนแนวโน้มในไม่ช้า

Oversold คือ โซนที่มีปริมาณในการขายมากจนเกินไป และอาจทำให้มีแรงซื้อเข้ามาจำนวนมากที่จะเข้ามาเร็วๆนี้ อาจจะเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงว่า ราคานั้นจะมีการเปลี่ยนแนวโน้มในไม่ช้า

Indicator ที่นิยมใช้หา สัญญาณ Overbought Oversold

Relative strength index RSI

RSI indicator Relative Strength Index Overbought Oversold Goo Invest สัญญาณ Overbought Oversold

RSI Relative Strength Index คือ การวัดอัตราส่วนของ ” ขาขึ้น ” เปรียบเทียบกับราคา ” ขาลง ” ในช่วงเวลาหนึ่ง ว่า มีการเพิ่มขึ้น หรือลดลงของราคามากกว่ากันในช่วงเวลาหนึ่ง โดยจะแสดงผลออกมาเป็น ดัชนี Index 0-100 เปรียบเทียบว่า ในช่วงเวลาหนึ่ง ของขาขึ้นกับขาลงว่าแนวโน้มใดแข็งแกร่งกว่ากัน จึงตั้งชื่อว่า “Relative Strength”

 

สัญญาณ Overbought เกิดขึ้นเมื่อมีการซื้อมาเกินไป เป็นสัญญาณว่า ราคาจะมีการปรับตัวลง หรือ เป็นจุดขาย โดยการอ่านสัญญาณ Overbought ใน RSI นั้นเกิดขึ้นเมื่อระดับค่า RIS อยู่ที่ระดับ 70 หรือสูงกว่า

สัญญาณ Oversold เกิดขึ้นเมื่อมีการขายมาเกินไป เป็นสัญญาณว่า ราคาจะมีการปรับตัวขึ้น หรือ เป็นจุดซื้อ โดยการอ่านสัญญาณ Oversold ใน RSI นั้นเกิดขึ้นเมื่อระดับค่า RIS อยู่ที่ระดับ 30 หรือต่ำกว่า

Bollonger band

สัญญาณ Overbought Oversold Bollinger Bands Goo Invest Trade

Bollinger Bands เป็น Indicator หนึ่งที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับในวงการ การเทรดเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น หุ้น Futures ทองคำ น้ำมัน หรือ แม้แต่ Forex เนื่องจากมีประโยชน์หลากหลายและสามารถพลิกแพลงเทคนิคให้แปรเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถูกพัฒนาขึ้นมาโดย John Bollinger ในช่วงปี 1980s เป็นหนึ่งในนักวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีชื่อเสียงของโลก 

จุดประสงค์หลักของมันมีแนวคิดหลักคือการวัด “ความผันผวน” ของตลาด ซึ่งนิยมจัดให้เป็นเครื่องมือ “Technical Analysis” ในกลุ่ม Trend หรือใช้เพื่อเทรดในตลาดที่มีแนวโน้ม แต่ในขณะเดียวกันมันยังสามารถหาก Overbought และ Oversold ได้อีกด้วย โดยการสร้าง “Band” หรือกรอบราคาขึ้นมาอีก 2 เส้น ซึ่งช่วยหาจุดเข้าออกให้นักเทรดไปด้วยในเวลาเดียวกัน

Upper Band จะเป็นการแสดงถึงสภาวะการซื้อที่มากเกิน ไป Overbought มีโอกาศที่ราคาจะมีการพักตัวในไม่ช้า

Lower Band จะเป็นการแสดงถึงสภาวะการขายที่มากเกินไป Oversold มีโอกาศที่ราคาจะมีการพักตัวในไม่ช้า

Stochastic

Stochastic Oscillator Overbought Oversold goo invest สัญญาณ Overbought Oversold

Stochastic Oscillator เป็น indicator เหมาะกับการวิเคราะห์ในตลาด ที่เป็น Sideways รวมทั้งการลงทุน หรือเก็งกำไรในระยะสั้น สามารถจับเคลื่อนไหว หรือการแกว่งตาม momentum ได้เป็นอย่างดี แต่ไม่เหมาะในช่วงสภาวะตลาดที่มีแนวโน้ม

Stochastic ถูกคิดค้นและพัฒนามาโดย Dr. George C. Lane. เมื่อปี 1950 และเป็นหนึ่งใน Indicator ที่ได้รับนิยมมากที่สุดตัวหนึ่งสามารถใช้งานได้ดีทั้งในตลาด Forex หุ้น รวมถึงสินค้าอื่นๆ อย่างเช่น ทองคำ น้ำมัน โดยนิยมนำไปใช้ในการหาจุดกลับตัว และยังสามารถบอกภาวะการ ซื้อ หรือ ขายที่มากไป Overbought  Oversold

Overbought ของตัว Stochastic ก็จะมีลักษณะการ Overbought คล้ายกับการใช้งาน RSI Relative Strength Index คือดู “ปริมาณการซื้อที่มากเกินไป” ของพฤติกรรมราคาช่วงเวลานั้นแต่ต่างกันที่ระดับค่า Overbought ของ RSI จะอยู่ที่ 70 – 100 แต่ Stochastic จะอยู่ที่ระดับ 80 – 100 ซึ่งหมายความว่ามีปริมาณการซื้อ มากเกินไป มีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวลงมาได้สูง 

Oversold ของตัว Stochastic ก็จะมีลักษณะการ Oversold คล้ายกับการใช้งาน RSI Relative Strength Index คือดู “ปริมาณการขายที่มากเกินไป” ของพฤติกรรมราคาช่วงเวลานั้นแต่ต่างกันที่ระดับค่า Oversold ของ RSI จะอยู่ที่ 0 – 30 แต่ Stochastic จะอยู่ที่ระดับ 0 – 20 ซึ่งหมายความว่ามีปริมาณการขาย มากเกินไป มีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวขึ้นมาได้สูง

Facebook
Twitter

เปิดบัญชีซื้อขายทองคำ

Categories
การลงทุน ข่าวหุ้น ธุรกิจ

Bitcoin ทำไฮใหม่ ไทย ปักธงเป็นประเทศแรกรับนักท่องเที่ยวที่ถือ Cryptocurrency

Bitcoin Cryptocurrency ทำไฮใหม่ ไทย ปักธงเป็นประเทศแรกรับนักท่องเที่ยวที่ถือ Cryptocurrency

Bitcoin Cryptocurrency new hight 19FEB Goo Invest News

Bitcoin Cryptocurrency มาแรงไม่แพ้ PTT OR หลังทำไฮใหม่อีกครั้งหลังจากทำไฮเดิมไว้ที่ระดับราคา 52532$ เมื่อวันที่ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปักธงต้องการจัดตั้งประเทศไทยให้เป็นประเทศแรกในการรับนักท่องเที่ยวผู้ถือ cryptocurrency
โดยกำหนดเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นในระยะเริ่มต้น เนื่องจาก คนญี่ปุ่นถือ Bitcoin อันดับตั้นๆ ของโลก
หลังการหารือสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย – ญี่ปุ่น)

ที่มา : Bangkokpost

Facebook
Twitter

เปิดบัญชีซื้อขายทองคำ

Categories
Technical Analysis การลงทุน

Fibonacci Retracement

Fibonacci Retracement

Fibonacci Retracement เป็นที่รู้จัก และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นตลาด หุ้น ทอง น้ำมัน forex หรือ สินทรัพย์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์ ความเสี่ยงสูงหรือความเสี่ยงต่ำต่างก็ยอมรับ ในตัวของ Fibonacci หรืออาจรู้จักกันในชื่อ สัดส่วนทองคำ

ซึ่งเป็นชุดสัดส่วนตัวเลขที่นับว่ามี ความมหัศจรรย์ เป็นอย่างมาก และสัดส่วนนี้ได้รับ การทดลอง ทดสอบหลายต่อหลายครั้ง กับ ด้านอื่นๆ ที่ไม่ใช่การเทรด หรือ แม้แต่ มนุษย์ ก็ถูกนำมาทดลองวัด สัดส่วนทองคำ ฟิโบนัชชี ด้วย ว่ากันว่า ผู้ที่หน้าตาดีนั้นจะมีสัดส่วนใบหน้าที่ลงตัวกับสัดส่วนตัวเลข ฟิโบนัชชี เป็นอย่างมาก หรือพื้นฐานของ องค์ประกอบธรรมชาติ เช่น ดอกไม้ เกสรดอกไม้ รังผึ้ง วงก้นหอย

 

ในโลกตะวันตก มันคือ ความงดงามทางคณิตศาสตร์ ชุดตัวเลขที่เกี่ยวกับสัดส่วนทางคณิตศาสตร์ ที่มีความพิเศษ สัดส่วนตัวเลข Fibonacci ที่แฝงอยู่ตามธรรมชาติ สถาปัตยกรรม ชีววิทยา รวมไปถึงตลาดหุ้น, Forex อีกด้วย โดยพื้นฐาน Fibonacci มันคือ “สัดส่วนของธรรมชาติ” มันจึงได้นำมาปรับใช้กับเครื่องมือในการวัดสัดส่วน ความเคลื่อนไหวของตลาดการเงิน จึงเป็นสาเหตุที่นักเทรด ทั้งหลาย เลือกที่จะใช้กลยุทธ์การเทรดด้วย Fibonacci 

 
fibonacci Retracement Goo Invest Trade

ความเป็นมาของ Fibonacci Retracement

เลโอนาร์โด ฟีโบนัชชี (Leonardo Fibonacci) หรือรู้กันในชื่อสั้น ๆ ว่า ฟีโบนัชชี Fibonacci (มักจะสะกดผิดว่า ฟีโบนักชี หรือ ฟิโบนักชี) เป็นนักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลี มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดจากการค้นพบจำนวนฟีโบนัชชี และบทบาทในการเผยแพร่การเขียนและวิธีการคำนวณระบบจำนวนฐานสิบที่ให้ค่าตามหลักแบบอาราบิก (Arabic positional decimal system) ที่ใช้กันในปัจจุบัน หลายคนยกย่องว่าเขาเป็นนักคณิตศาสตร์ที่เก่งที่สุดในยุคกลาง และต่อมา โยฮันเนส เคปเลอร์  Johannes Kepler ชาวเยอรมัน ค้นพบ อัตราส่วนทอง ของ Fibonacci มันคือตัวเลขสำคัญที่เราใช้เทรดกันนั่นเองเองฐานของการค้นพบตัวเลข 1.618

อัตราส่วนทองคำ นั้นเป็นรากฐานสิ่งกำเนิดสรรพสิ่ง ในจักรวาลที่นำมาเชื่อมโยงกับ มนุษย์  สัตว์ พืช โครงสร้างระดับอะตอม งานปฏิมากรรมสำคัญของโลก และยังเกี่ยวข้องกับความงดงามและสุนทรียศาสตร์ “พีทาโกรัส” นักปราชญ์ยุคกรีกได้สันนิษฐานถึงความถึง ความสัมพันธุ์ระหว่างคณิตศาสตร์ และความสวยงาม

พีทาโกรัสสังเกตว่าสิ่งต่างๆ ที่มีสัดส่วนตามสัดส่วนทองคำ มักจะถูกมองว่ามีความสวยงามไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ที่มีหน้าตาร่างกาย แม้แต่ภาพวาด “โมนาลิซ่า” ภาพวาดของ ลีโอนาโด ดาวินชี ภาพก็ถูกวาดได้ตามอัตราส่วนทองคำ และถูกยกย่องให้เป็นภาพวาดผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก

การใช้งาน Fibonacci Retracement

การประยุกต์ใช้ Fibonacci ในการวิเคราะห์จะมีระดับราคาสำคัญดังนี้คือ 0, 23.6, 38.2, 50, 61.8, 78.6, 100, 127, 161.8 และมักจะนำมาใช้งานกับกลยุทธ์ต่างเช่น Dow Theory, Chart Patterns, Elliot waves, Harmonic Pattern เพื่อหาตัวอย่างการพักตัวและเป้าหมายของราคาซึ่งมีความสอดคล้องกันอย่างน่าอัศจรรย์มาก และ นักเทรดทั้งหลายก็ได้นำมาเป็นเครื่องมือหลักในการวิเคราะห์กันจำนวนมาก 

 

ก่อนที่จะเริ่มต้นการลากหรือ Fibonacci คุณควรจะมีพื้นฐานของการดูแล้วโน้มกันสักหน่อยเพื่อจะได้รู้ว่ากำลังใช้งานเพื่อหาสิ่งใดโดยอาจใช้เครื่องมือการดูแนวโน้มอื่นๆประกอบเช่น Trendline MA 

การหาแนวโน้มด้วย Fibonacci ในช่วงสภาวะขาขึ้น

fibonacci Retracement uptrend Goo Invest Trade

การลากเส้นหรือตีเส้นในช่วงตลาดขาขึ้นนั้นให้วางแนวค่า 0 ที่บริเวณสวิงโลว์ และ วางแนวค่า 100 ที่สวิงไฮ โดยมีแนวรับสำคัญที่บริเวณ 38.2 – 61.8 โดยมีเป้าหมาย ที่ 127 และ 161.8

การหาแนวโน้มด้วย Fibonacci ในช่วงสภาวะขาลง

fibonacci Retracement downtrend Goo Invest Trade

การลากเส้นหรือตีเส้นในช่วงตลาดขาขึ้นนั้นให้วางแนวค่า 0 ที่บริเวณสวิงไฮ และ วางแนวค่า 100 ที่สวิงโลว์ โดยมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 38.2 – 61.8 โดยมีเป้าหมาย ที่ 127 และ 161.8

Facebook
Twitter

เปิดบัญชีซื้อขายทองคำ